พระศาสนจักรเป็นดังคาราวานแห่งความเป็นพี่น้องในการเดินทางร่วมกัน (The Church is a ‘caravan of brothers’ on a journey)

ความเป็นหนึ่งเดียวกันนี้มีไว้สำหรับพันธกิจที่เรากระทำ ดังเช่นพระศาสนจักรได้ถือกำเนิดขึ้นในวันที่พระจิตเจ้าเสด็จลงมา และบรรดาศิษย์ได้ออกไปประกาศข่าวดี เช่นเดียวกับในทุกวันนี้ โลกของเราก็กำลังรอคอยอยู่ข่าวสารแห่งความรักนี้อยู่ เป็นข่าวดีแห่งอิสระเสรีภาพและสันติสุข….

โลกต้องการคำมั่นสัญญาเพื่อการศึกษาใหม่ (World needs a new education pact)

…บรรดานักการศึกษารู้ดีว่า การเปลี่ยนแปลงจะต้องเริ่มต้นจากจิตสำนึก ในฐานะนักการศึกษา คุณทราบดีอยู่แล้วว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ต้องเริ่มต้นจากมโนธรรม มิฉะนั้นมันจะเป็นเพียงส่วนหน้าที่ผิวเผินเท่านั้น และพวกคุณรู้ดีว่า พวกคุณไม่สามารถทำงานนี้ได้โดยลำพัง แต่ต้องอาศัยความร่วมมือกันใน “พันธมิตรทางการศึกษา” ซึ่งรวมถึงครอบครัว ชุมชน และกลุ่มพระศาสนจักรต่าง ๆ…

การเป็นครูคือการดำเนินชีวิตตามพันธกิจที่ได้รับ (To be a teacher is to live a mission)

… “เราไม่ได้สอนในสิ่งที่รู้ แต่สิ่งที่เราเป็น” เราถ่ายทอดไปยังผู้อื่นในสิ่งที่อยู่ภายในของเรา การเติมเต็มความรู้ให้กับผู้อื่นอย่างเดียวเป็นสิ่งที่ไม่เพียงพอ การให้การศึกษาคือการถ่ายทอดชีวิต การเป็นครูคือการดำเนินชีวิตตามพันธกิจที่ได้รับ….

ความงดงามแห่งความผูกพันที่ผูกมัดจากรุ่นสู่รุ่น (The beauty of bonds that unite generations)

…. หากคนหนุ่มสาวได้เปิดหัวใจของพวกเขาด้วยความกตัญญู ในสิ่งที่พวกเขาได้รับมาจากคนรุ่นก่อน และผู้สูงอายุก็ยอมเปิดตัวเองสู่สิ่งใหม่ ๆ ในโลกยุคปัจจุบัน ก็จะทำให้พระพรของพระเจ้าบังเกิดขึ้นท่ามกลางพวกเขา …

นักการศึกษาที่แท้จริงจะต้องเดินเคียงข้าง,รับฟัง,และเสวนากับนักเรียน (A true educator accompanies, listens and dialogues)

การเดินเคียงข้างนี้ คือการจับมือเดินไปกับเขา การรับฟัง และเสวนา (แลกเปลี่ยนความคิดเห็น) กับพวกเขา ไม่หวาดกลัวจนเกินไป และไม่รอคอยแต่อย่างอย่างเดียวจนไม่ได้ทำอะไรเลย นี่คือการศึกษาของมนุษย์ การศึกษาที่จะช่วยให้พวกเขาก้าวไปข้างหน้า สนับสนุนการเติบโต และช่วยเหลือพวกเขา….

พระเมตตาของพระเยซูเจ้านำเราไปสู่ความทุกข์ทรมานของผู้อื่น (Divine Mercy opens us to suffering of others)

พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงกล่าวถึงคำพูดของพระเยซูเจ้าจำนวน 3 ครั้งกับบรรดาศิษย์ว่า “สันติสุขจงอยู่กับท่าน” หลังจากทรงสิ้นพระชนม์และทรงกลับคืนพระชนมชีพแล้ว คำพูดเหล่านี้แสดงให้เห็นถึง 1) พระเมตตาของพระเจ้าที่นำสันติสุขมาให้คริสตชน 2) การอภัยบาป และ 3) ทรงช่วยเหลือเราในยามยากลำบากของชีวิต….

จงขับไล่ความกลัวออกไปและแสวงหาพระเยซูเจ้าด้วยสิ้นสุดจิตใจ (Cast aside all fears and seek Jesus with all their hearts)

นับเป็นกิจกรรมกลางแจ้งครั้งแรกในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา ที่มิใช่พิธีมหาบูชาขอบพระคุณหลังจากการแพร่ระบาด ที่ได้จัดขึ้น ณ จัตุรัสนักบุญเปโตร นครรัฐวาติกัน สำหรับการรวมตัวกันของวัยรุ่นชาวอิตาลีกว่า 80,000 คน โดยสภาประมุขบาทหลวงคาทอลิกแห่งประเทศอิตาลี เพื่อสวดภาวนาพร้อมกับพระสันตะปาปาฟรังซิส เมื่อเย็นวันจันทร์ที่ 18 เมษายน ค.ศ. 2022 ภายใต้หัวข้อ “ตามเรามา” (Follow me)….

ผู้สูงอายุต้องได้รับความรักและความเคารพ (Elderly must be loved and honoured)

พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงสอนคำสอนโอกาสการเข้าเฝ้าทั่วไปในวันพุธที่ 20 เมษายน ค.ศ. 2022 ณ จัตุรัสนักบุญเปโตร นครรัฐวาติกัน เป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี หลังจากเกิดการแพร่ระบาด ทรงเรียกร้องให้บรรดาคนหนุ่มสาวได้ให้ความสำคัญ และเรียนรู้ประสบการณ์ชีวิตจากบรรดาผู้สูงอายุ และผู้คนในช่วงวัยต่าง ๆ ….

ให้เราชนะทุกสิ่งด้วยสันติสุขของพระคริสตเจ้า (May we be won over by the peace of Christ!)

ให้เราชนะทุกสิ่งด้วยสันติสุขของพระคริสตเจ้า (May we be won over by the peace of Christ!) เมื่อวันอาทิตย์ปัสกาที่ 17 เมษายน ค.ศ. 2022 พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงประกอบพิธีมหาบูชาขอบพระคุณ ณ จัตุรัสนักบุญเปโตร หลังจากนั้นทรงอวยพรชาวโรมและชาวโลก (Urbi et Orbi) ท่ามกลางแสงแดดในเช้าฤดูใบไม้ผลิที่สดชื่นและเย็นสบาย ต้นไม้และดอกไม้กว่า 40,000 ต้น จากการบริจาคของคนจัดดอกไม้จากประเทศเนเธอร์แลนด์ และผู้คนจำนวนกว่า 100,000 คน อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนหลังจากการแพร่ระบาด

ขอให้เราได้เห็น,ได้ยิน,และประกาศว่าพระเยซูเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพแล้ว (May we see, hear, proclaim that Jesus is Risen)

ขอให้เราได้เห็น,ได้ยิน,และประกาศว่าพระเยซูเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพแล้ว (May we see, hear, proclaim that Jesus is Risen) พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงร่วมพิธีตื่นเฝ้าปัสกา เมื่อวันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์ที่ 16 เมษายน ค.ศ. 2022 ณ พระมหาวิหารนักบุญเปโตร นครรัฐวาติกัน พร้อมกับผู้แสวงบุญจำนวน 5,000 คน….